“เบอร์เกอร์คิง” รุกอาหารเช้า ผนึก “สตาร์บัคส์” เพิ่มไลน์กาแฟพรีเมี่ยม


เบอร์เกอร์คิงเชนเบอร์เกอร์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลก มีแผนขยับตัว ครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว “กาแฟ” ไลน์สินค้าใหม่ โดยการร่วมมือกับยักษ์ใหญ่อย่างสตาร์บัคส์ ถือเป็นความพยายามในการยกเครื่องเมนูอาหารเช้าของเบอร์เกอร์คิงที่อ่อนแอ รวมถึงต้องการเพิ่มรายได้ของธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาลง

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า “เบอร์เกอร์คิง” มีแผนร่วมมือกับ “สตาร์บัคส์” วางจำหน่ายกาแฟแบรนด์ “ซีแอตเติล เบสต์” ในทุกสาขาที่เปิดให้บริการในสหรัฐอเมริกา โดยเฟสแรกที่จะเริ่มขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้ (มิถุนายน-กรกฎาคม) วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มนวัตกรรม และเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับบริษัท

โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นความพยายามของเบอร์เกอร์คิง เพื่อต้องการเอาชนะคู่แข่งอย่าง “แมคโดนัลด์” ที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจ “แมคคาเฟ่” ที่นอกจากจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ยังมีส่วนสำคัญในการยกระดับผลประกอบการของแมคโดนัลด์ให้เติบโตขึ้น ทั้งนี้การจับมือของ 2 ยักษ์ใหญ่ดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงในสงครามธุรกิจกาแฟให้ดุเดือดยิ่งขึ้น หากดูจากแคมเปญของแมคโดนัลด์ก่อนหน้าที่จะมุ่งโจมตีมาที่สตาร์บัคส์โดยเฉพาะ

“เราจะส่งกาแฟที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภค” จอห์น เชาเฟลเบร์เกอร์ รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมทั่วโลกของเบอร์เกอร์คิง ผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาธุรกิจอาหารเช้าของเบอร์เกอร์คิงระบุ

ภายใต้ความพยายามดังกล่าว ร้าน เบอร์เกอร์คิงมากกว่า 7,000 สาขาจะเริ่มจำหน่ายกาแฟเย็นที่หลากหลาย วาไรตี้ โดยจะเน้นรสชาติทั่ว ๆ ไปอย่าง วานิลลา หรือมอคค่า ที่ใส่วิปครีม ขณะที่ราคาจะขึ้นกับเจ้าของแฟรนไชส์ ร้านเบอร์เกอร์คิงในแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนด ซึ่งแฟรนไชส์ของเบอร์เกอร์คิงมีสัดส่วนสูงถึง 90% ขณะที่ราคาเครื่องดื่มจะอยู่ระหว่าง 1-2.79 เหรียญสหรัฐ

แม้เงื่อนไขข้อตกลงดังกล่าวยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ดีลครั้งนี้บอกให้เห็นถึงการขยายตัวล่าสุดของ “ซีแอตเติล เบสต์” และการที่สตาร์บัคส์เจ้าของแบรนด์หันมาโฟกัสกับการสร้างแบรนด์ดังกล่าวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ก่อนหน้านี้ในฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ก็ได้เซ็นข้อตกลงเพื่อจำหน่ายกาแฟคั่วบด “ซีแอตเติล เบสต์” ในร้านซับเวย์ 9,000 สาขา ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของร้านในสหรัฐอเมริกาที่จำหน่ายสินค้าดังกล่าวอยู่

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาร้านฟาสต์ฟู้ด ส่วนใหญ่หันมาขยายธุรกิจอาหารเช้ากันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตัวเลขผู้รับประทานอาหารเช้าลดลง จากจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้คนงานที่หยุดพักข้างทางเพื่อรับประทานอาหารเช้าระหว่างทางไปทำงานลดลงไปด้วย โดยในปี 2552 จำนวนลูกค้าเข้าร้านฟาสต์ฟู้ดลดลง 3% ขณะที่ทราฟฟิกในช่วงอาหารเช้าลดลง 2% จากข้อมูลวิจัยจากเอ็นพีดี กรุ๊ป (NPD Group) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยตลาด

สิ่งที่เกิดขึ้นกับการที่ร้านฟาสต์ฟู้ดหันมาจำหน่ายกาแฟรสชาติดีเยี่ยม หรือกาแฟระดับพรีเมี่ยมในช่วงเมนูอาหารเช้า แน่นอนเป็นความคาดหวังถึงตัวเลขผลกำไรที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในธุรกิจอาหารเช้าทั้งในเวลาที่สภาพเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี

5 ปีก่อนหน้านี้เบอร์เกอร์คิงได้เปิดตัวกาแฟแบรนด์ “บีเค โจ” (BK Joe) ซึ่งจะยกเลิกไปขณะที่กาแฟคั่วบดแบรนด์ “ซีแอตเติล เบสต์” มาแทนที่

การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเบอร์เกอร์คิงในไลน์ธุรกิจอาหารเช้าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2550 เมื่อครั้งที่เปิดตัวเมนูอาหารเช้าเมนูคุ้มค่า

“คุณควรจะคาดหวังที่จะเห็นสิ่งใหม่ ๆ และการปรับปรุงคุณภาพสินค้าจากเบอร์เกอร์คิงกับเมนูอาหารเช้า” เชาเฟลเบร์เกอร์ระบุ

ด้านนักวิเคราะห์จากมอร์นิ่งสตาร์ “อาร์.เจ.ฮอตโตวี” ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของเบอร์เกอร์คิงครั้งนี้เป็นความต้องการจำหน่ายสินค้าที่ทำกำไรได้สูง และพยายามที่จะเรียกลูกค้ากลับคืนมา

“มันเป็นวิธีที่จะชดเชยรายได้ของธุรกิจอาหารเช้าที่อ่อนแอลงในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจฟาสต์ฟู้ดในปัจจุบันที่ต้องตระหนักเพื่อผลักดันยอดขายและช่วยในเรื่องผลกำไรที่ดีขึ้น”

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4186 ประชาชาติธุรกิจ