‘KFC’ ปรุงสูตรเทรนด์สุขภาพ


แบรนด์อาหารฟาสต์ฟูดชื่อดังอย่าง “เคเอฟซี” เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และประเทศไทย เคเอฟซี ก็เป็นแบรนด์ ที่คนไทยนิยมรับประทานประเภทไก่ทอด มากที่สุด ซึ่งคุ้นลิ้นทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ดูได้จากกระแส ที่คนเข้าไปนั่งในร้านเคเอฟซี ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจ จะยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก แต่การรับประทานอาหารให้อิ่มท้อง ก็ยังเป็นจุดที่คนไทยส่วนหนึ่ง ต้องหาความเพลิดเพลินในรสอาหารหลากหลายรสชาติให้มากที่สุด ทำให้เคเอฟซี ได้คิดค้น และพัฒนาในการทำอาหารให้กับลูกค้าที่เข้ามาร้านต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ติดตั้ง “เตาอบไฮเทค” นวัตกรรมล่าสุดของวิธีปรุงอาหารในร้านเคเอฟซีทั่วประเทศ เพื่อเป็นลูกไม้เด็ดในการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคสมัยใหม่

“ศรัณย์ สมุทรโคจร” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัมเรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เคเอฟซีมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ จึงนำเตาอบรุ่นใหม่ มาใช้ในการปรุงอาหาร เพื่อนำเสนอเมนูทางเลือกใหม่ ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ติดตั้ง “เตาอบไฮเทค”เพื่อให้บริการอาหารเมนูเพื่อสุขภาพภายในร้านเคเอฟซีประเภทต่างๆ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวหากมองในอนาคตเชิงวิเคราะห์แล้วคาดส่งผลให้บริษัท สามารถลดต้นทุนการดำเนินการผลิตเมนูอาหารสูตรต่างๆได้โดยผ่านกระบวนการปรุงอาหารแบบอบ นึ่ง ย่าง เป็นต้น จากปัจจุบันเมนูอาหารส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทอด ที่มีต้นทุนวัตถุดิบสำคัญ อาทิ น้ำมันพืช แป้งสาลีเพื่อหมักปรุงเมนูไก่ทอด เป็นต้น

โดยประเดิมที่ วิงอบฮิตส์ (Roasted Wing Hitz) เป็นเมนูแรก สำหรับปรากฏการณ์นี้นับเป็นการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 10 ปีของเคเอฟซี ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริโภค ในมุมมองที่ว่าเคเอฟซีเป็นจังก์ฟูดได้ โดยเน้นย้ำว่าเคเอฟซีเป็นผู้นำนวัตกรรมอาหาร ซึ่งนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ในทุกๆ โอกาสอย่างแท้จริง

เมนูอาหารภายใต้โฉมใหม่ของเคเอฟซี “วิงอบฮิตส์ และเอเชี่ยน ดีไลท์ สลัด” คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะหนุ่มสาววัยทำงานตอนต้น ในช่วงอายุระหว่าง 20-29 ปี ซึ่งห่วงใยสุขภาพ และพิถีพิถันกับการเลือกอาหารที่สร้างสมดุลให้กับตนเอง นอกจากนี้ เพื่อให้เข้ากับภาพลักษณ์ใหม่ในการเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เคเอฟซียังปรับโฉมร้านให้มีโทนสีเขียวเป็นหลัก ทั้งในเมนูบอร์ด รวมถึงชุดยูนิฟอร์มของพนักงานก็จะเป็นแนวสปอร์ตมากขึ้น เน้นสีเขียวและส้ม สื่อให้เห็นถึงความสดใสและกระฉับกระเฉง อีกทั้ง เคเอฟซียังได้เตรียมสื่อสนับสนุนการสื่อสารการตลาด 360 องศา เพื่อตอกย้ำการรับรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับทางเลือกใหม่ของร้านเคเอฟซี อาทิ สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อโฆษณากลางแจ้ง และกิจกรรมการตลาด เป็นต้น

ปัจจุบันเคเอฟซีมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัวและมีลูก 40% กลุ่มผู้ใหญ่เริ่มทำงานอายุ 20-29 ปี สัดส่วน 20% อายุ 30 ปีขึ้นไม่มีครอบครัว 10% และกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี สัดส่วน 20% ส่วนความถี่การเข้าร้านเคเอฟซีของผู้บริโภคนั้นอยู่ที่ กลุ่มที่รับประทานมาก 2 อาทิตย์ต่อครั้ง และกลุ่มที่รับประทานน้อย 3 เดือนต่อครั้ง หรือเฉลี่ยแล้ว 1 ครั้งต่อ 1 เดือน โดยคาดว่าแพลตฟอร์มใหม่ซึ่งเริ่มต้นที่การอบ คือ วิงอบฮิตส์ จะเพิ่มยอดขายอีก 15% เฉพาะรับประทานทานในร้านมากขึ้น

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ 2 เมษายน 2551